วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

เรียนวันอังคารที่ 29/07/2551

certificate
ใบรับรองที่ระบุสิทธิความเป็นเจ้าของของผู้ใช้ โดยที่ผู้อื่นไม่สามารถนำไปแอบอ้างหรือนำไปใช้ได้ ใบรับรองนี้ประกอบด้วยข้อมูลของผู้ใช้ที่เข้ารหัสไว้เพื่อเป็นการป้องกันความปลอดภัยของข้อมูล และจะใช้ในการเชื่อมต่อกับเครือข่ายหรือเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่มีการให้บริการแบบปลอดภัย
1. CCNA
เป็นประกาศนียบัตรที่ผู้ที่ได้รับต้องมีความรู้ในเรื่องของระบบเครือข่าย สามารถติดตั้งและดูแลจัดการระบบเครือข่ายขนาดเล็กได้ CCNA นี้ไม่มีวิชาบังคับที่ต้องได้รับมาก่อน (Exam Prerequisite) เมื่อสอบผ่านวิชาใดวิชาหนึ่ง ก็สามารถได้รับประกาศนียบัตรนี้
สิ่งที่ควรทราบสำหรับผู้ที่จะสอบ CCNA1. ข้อสอบเป็นแบบเลือกคำตอบที่ถูกต้อง มีหลายตัวเลือก2. ไม่สามารถย้อนกลับได้ ( ทำไม่ได้ก็ต้องเลือกตอบ )3. มีเวลา 2 ชั่วโมงเต็ม4. มีกระดาษทดให้ สำหรับคำนวณในข้อสอบแล็บ5. ลงทะเบียนในการสอบ ต้องลงทะเบียนล่วงหน้า 2-3 วัน6. หากจะสอบใหม่ สามารถลงทะเบียนหลังจากสอบไม่ผ่าน 2สัปดาห์7. ข้อสอบมี 55-65 ข้อ ไม่ต้องรีบ ควรอ่านคำถามให้ดีก่อนตอบ

เรื่องที่ผู้สอบ CCNA ควรจะเข้าใจ และทำได้ดี- ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ network media - การคอนฟิก router เบื้องต้นโดยใช้ Cisco IOS commands - การติดตั้ง และคอนฟิกเน็ตเวิร์กบน LAN, WAN - เข้าใจ และสามารถคอนฟิก routable protocols (IP, IPX, Apple Talk, etc.) - เข้าใจ และสามารถคอนฟิก routing protocols (RIP, IGRP, EIGRP, etc.) - ระบบความปลอดภัยบนเน็ตเวิร์ก
บุคคลทั่วไป คนละ 8,000 บาท
ข้าราชการและนักศึกษาทั่วไป คนละ 6,000 บาท
นักศึกษาและบุคลากร ม.มหานคร คนละ 5,000 บาท
ตลอดระยะเวลาการอบรม รวมเอกสารประกอบการอบรม กระเป๋า ปากกา อาหารว่าง
ฝึกปฏิบัติด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ 1 คน ต่อ 1 เครื่อง และวุฒิบัตร
(ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ 200%)
วิธี ก. สอบสองวิชาICND1 640-822: CCNA Part 1/CCENTICND2 640-816: CCNA Part 2
หรือวิธี ข. สอบวิชาเดียวCCNA 640-802: CCNA Composite
เมื่อก่อน สอบสองวิชาจะต้องสอบให้ครบทั้งสองถึงจะได้ CCNA ส่วนอันใหม่สอบผ่านวิชาแรกจะได้ CCENT (Cisco Certified Entry Networking Technician) มาก่อน
นอกจากนั้นยังเพิ่มราคาอีกวิชาละ 25 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐอีกด้วย


2.CCNP
เป็นประกาศนียบัตรที่ผู้ที่ได้รับต้องมีความรู้เป็นอย่างดีในเรื่องของระบบเครือข่าย สามารถติดตั้งและดูแลจัดการระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ได้ การที่จะสามารถสอบ CCNP ได้ต้องสอบผ่าน CCNA มาก่อน
ค่าใช้จ่ายคือ 36,000 บาท

3.CCIE
เป็นประกาศนียบัตรขั้นสูงสุดในส่วนของ Network Installation and Support Certification และ Communication and Services Certification
CCIE : Routing and Switching
CCIE : Security
CCIE : Service Provider
CCIE : Voice
CCIE : Storage Networking
และพิเศษ สำหรับผู้ที่สอบได้ CCIE แล้ว จะได้รับหมายเลขประจำตัวผู้สอบได้ซึ่งจะไม่ซ้ำกับใครในโลก
ค่าใช้จ่าย 240,000 บาท

วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

งานวันอังคาร ที่ 22/07/2551

ข้อสอบ อัธนัย
1.Router คืออะไร
ตอบ: Router เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่รับข้อมูลเข้ามาแล้วส่งต่อไปยังปลายทาง

2.หน้าที่หลักของ Router คืออะไร
ตอบ: การหาเส้นทางในการส่งผ่านข้อมูลที่ดีที่สุด และเป็นตัวกลางในการส่งต่อข้อมูลไปยังเครือข่ายอื่น ทั้งนี้ยังเชื่อมโยงเครือข่ายที่ใช้สื่อสัญญาณหลายแบบ เช่น Ethernet, Token Rink หรือ FDDI

3.Router เป็นตัวชี้ทางเชื่อมต่อระหว่างอะไร
ตอบ: ระหว่างระบบอินเตอร์เน็ตไปยัง ISP

4.ลักษณะการทำงานของการส่งข้อมูลมีลักษณะอย่างไรบ้าง
ตอบ: เป็นการส่งข้อมูลผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น สายโทรศัพท์ ไฟเบอร์ ใยแก้วนำแสงและดาวเทียม การส่งข้อมูลมีหลายชนิดและหลายรูปแบบ แต่ในปัจจุบันนี้การส่งข้อมูลในระบบ Internetworking หรือ Internet เห็นจะเป็นระบบที่ได้รับความนิยมมากกว่าระบบอื่น

5.ปรโยชน์ของ Router คือ
ตอบ: -เชื่อมต่อ LAN โดยใช้ Public Network (WAN)
-แบ่ง Segment ในเครือข่ายใหญ่ๆ
-ใช้ทำ Remote Access เช่น Internet
-ลด Broadcast Traffic อันเนื่องจากการใช้ Bridge หรือ Switch

6.เร้าเตอร์จะทำงานใน layar ที่เท่าไรตามมาตรฐานของ osi
ตอบ ที่3

7.กลุ่มข้อมูลลำดับชั้นเน็กเวิร์กจะถูกแบ่งออกเป็นส่วนย่อยๆเรียกว่า
ตอบ สวิตช์แพ็กเก็ต ข้อมูล

8.ข้อใดคือหน้าที่ของเร้าเตอร์
ตอบ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อเครือข่ายหลายๆกลุ่มเข้าด้วยกัน

9.เร้าเตอร์จะทำงานอยู่ในสาลำดับคือ
ตอบ ลำดับชั้นฟิสิคัส.ลำดับชั้นดาต้าลิ้งก์.ลำดับชั้นเน็ตเวิร์ก

10.ข้อใดคือการรับข้อมูลของเร้าเตอร์
ตอบ รับแบบแพ็กเกต

ปรนัย
1.Router คืออะไร

ก. Router เป็นอุปกรณ์ที่ซับซ้อนกว่า Bridge โดยทำงานเสมือนเป็นเครื่อง
ข.โดยอาจส่งในรูปแบบของ packet ที่ต่างออกไปเพื่อไปผ่านสายสัญญาณแบบอื่นๆ
ค.ทำหน้าที่รับข้อมูลเข้ามาแล้วส่งต่อไปยังปลายทาง
ง. ถูกทุกข้อ
เฉลย ข้อ ง. ถูกทุกข้อ

2.Router มีหน้าที่ใด
ก.บริการรับส่งข้อมูล
ข.บอกเส้นทาง
ค.บอก IP เพื่อส่งชื่อโดเมนเนม
ง.บริการอีเมล
เฉลย ข.บอกเส้นทาง

3. เราเทอร์ทำงานบนเลเยอร์ที่เท่าไรตามมาตรฐานของ OSI Model
ก.1
ข.2
ค.3
ง.4
เฉลย ค.3


4.ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์ของเร้าเตอร์
ก.เป็นตัวรับสัญญาณ
ข.แบ่ง Segment ในเครือข่ายใหญ่ๆ
ค.เชื่อมต่อ LAN โดยใช้ Public Network (WAN)
ง.ใช้ทำ Remote Access เช่น Internet
เฉลย ก.เป็นตัวรับสัญญาณ

5.เร้าเตอร์จัดเป็นอุปกรณ์พื้นฐานอย่างง่ายในระบบเครือข่ายใด
ก. lan
ข. man
ค. wan
ง. van
เฉลย ก. lan

6. ข้อใดคือการรับข้อมูลของเร้าเตอร์
ก.รับแบบแม็สเสด
ข.รับแบบแพ็กเกต
ค.รับแบบเซอร์วิตช์
ง. รับได้ทุกแบบ
เฉลย ข.

7.สัญญาณทางอิเล็กทรกนิกส์มีกี่ชนิด ?
ก. 2 ชนิด
ข. 3 ชนิด
ค. 4 ชนิด
ง. 5 ชนิด
เฉลย ก.

8.อุปกรณ์ข้อใดทำหน้าแปลงสัญญาณดิจิตอลเป็นอะนาลอกและแปลงกลับ ?
ก. ลำโพง
ข. ซาวด์การ์ด
ค. แลนด์การ์ด
ง. โมเด็ม
เฉลย ง.

9.สัญญาณแบบอนาลอก ข้อใดถูกต้อง ?
ก. สัญญาณวิทยุ
ข. สัญญาณโทรทัศน์
ค. เสียงในโทรศัพท์
ง. สัญญาณในคอมพิวเตอร์
เฉลย ค.

10.ข้อใดหมายถึงอุปกรณ์เชื่อมต่อ "เราท์เตอร์(Router)?
ก. อุปกรณ์เชื่อมต่อหลายเครือข่าย
ข. เป็นอุปกรณ์เชื่อมต่อเครือข่ายที่ต่างกัน
ค. อุปกรณ์เชื่อมต่อที่มีการขยายสัญญาณ
ง. อุปกรณ์เชื่อมต่อที่ไม่มีการขยายสัญญาณ
เฉลย ง.

วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

เรียนวันอังคารที่ 8/07/2551

การต่อแบบตรง
หลังจากที่ปอกสายเสร็จแล้วก็ให้ทำการแยกสายทั้ง 4 คู่ที่บิดกันอยู่ออกเป็นคู่ ๆ ก่อนโดยที่ให้แยกคู่ต่าง ๆ ตามลำดับต่อไปนี้ ส้ม-ขาวส้ม ---> เขียว-ขาวเขียว ---> น้ำเงิน-ขาวน้ำเงิน ---> น้ำตาล-ขาวน้ำตาล เพื่อแบ่งสายออกเป็นหมวดหมู่ใหญ่ ๆ ก่อน จากนั้นจึงค่อยมาทำการแยกแต่ละคู่ออกมาเป็นเส้น โดยให้ไล่สีดังนี้ ขาวส้ม ---> ส้ม ---> ขาวเขียว ---> น้ำเงิน ---> ขาวน้ำเงิน ---> เขียว ---> ขาวน้ำตาล ---> น้ำตาล
ซึ่งสีที่ไล่นี้เป็นสีที่ใช้เป็นมาตรฐานในการเชื่อมต่อ ซึ่งจริง ๆ แล้วการเข้าสายมีมาตรฐานการไล่สีอยู่หลัก ๆ ก็ 2 แบบแต่ในที่นี้ผมเอาแบบนี้แล้วกันเพราะว่าส่วนมากแล้วเขาจะใช้วิธีการไล่สีแบบนี้ หลังจากจัดเรียงสีต่าง ๆ ได้แล้วก็ให้จัดสายให้เป็นระเบียบ ให้พยายามจัดให้สายแต่ละเส้นชิด ๆ กัน

หลังจากนั้นให้ใช้คีมตัดสายสัญญาณที่เรียงกันอยู่นี้ให้มีระบบปลายสายที่เท่ากันทุกเส้น โดยให้เหลือปลายสายยาวออกมาพอสมควร จากนั้นก็ให้เสียบเข้าไปในหัว RJ-45 ที่เตรียมมา โดยให้หันหัว RJ-45 ดังรูปจากนั้นค่อย ๆ ยัดสายที่ตัดแล้วเข้าไป โดยพยายามยัดปลายของสาย UTP เข้าไปให้สุดจนชนปลายของช่องว่าในหัว RJ-45 เลย

จุดสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการเชื่อมต่อสายสัญญาณในช่วงนี้ก็คือต้องยัดฉนวนหุ้มที่หุ้มสาย UTP นี้เข้าไปในหัว RJ-45 ด้วย โดยพยายามยัดเข้าไปให้ได้ลึกที่สุดแล้วกัน เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการหักงอของสายง่าย โดยให้ยัดเข้าไปให้ได้

แล้วก็นำเข้าไปใส่ในช่องที่เป็นช่องแค้มหัวของ RJ-45 ในคีมที่จะใช้แค้มหัว หรือ Crimping Tool ให้ลงล็อกของคีมพอดี จากนั้นก็ให้ทำการกดย้ำสายให้แน่น เพื่อให้ Pin ทีอยู่ในหัว RJ-45 นั้นสัมผัสกับสายทองแดงที่ใส่เข้าไป บรรจงนิดหนึ่งนะครับในช่วงนี้ เพราะว่าเป็นช่วงหัวเลียวหัวต่อของชีวิตสายสัญญาณของคุณเลยแหละ เท่าที่ประสบการในการเข้าสายสัญญาณของผม ถ้าเป็นไอ้เจ้า Amp นี่ก็ไม่ต้องออกแรงมากเท่าไหร่ก็ OK ได้เลย แต่ถ้าเป็นแบบของทั่ว ๆ ไปก็คงต้องออกแรงกดกันนิดหนึ่งแล้วกัน

ที่นี้ก็ไปทำอย่างที่ว่ามานี้อีกครั้งหนึ่งที่ปลายสายอีกด้านหนึ่ง แต่อย่าหลงเข้าใจผิดว่านี่เป็นสาย Cross นะ เพราะว่าสาย Cross นั้นคุณต้องทำการสลับสายสัญญาณที่เข้านี้ ลองไปดูหัวข้อ Tip of the Day นะผมแนะนำการเข้าสาย Cross ไว้ที่นั่นแล้ว เพราะว่าการเข้าสายทั้งสองแบบนี้การไล่สีของสายไม่เหมือนกัน แตกต่างกันนิดหน่อย ส่วนสาย Cross เราสามารถนำเอาไปเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ 2 เครื่องให้เป็นระบบเครือข่ายได้โดยที่ไม่ต้องใช้ HUB ได้เลย แต่ได้แค่ 2 เครื่องเท่านั้น ส่วนสายแบบที่ต่อตรง ๆ นั้นจะใช้เชื่อมต่อจากเครื่องคอมพิวเตอร์มายัง HUB